พีอาร์ นิวส์ไวร์ - Huawei เปิดตัว Xinghe Intelligent Network ที่ใช้งาน AI ได้รับการยกระดับขึ้นไปอีกเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบอัจฉริยะในทุกอุตสาหกรรม

เซี่ยงไฮ้ 19 กันยายน 2568 /PRNewswire/ --Huawei ได้จัดสุดยอดการประชุมด้านนวัตกรรมการสื่อสารข้อมูลในหัวข้อ "Xinghe Intelligent Network: Shaping Intelligent Connectivity in the AI Era" ในงาน HUAWEI CONNECT 2025 โดยมี Leon Wang ประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์การสื่อสารข้อมูลของ Huawei ได้ประกาศเปิดตัวโซลูชัน "Xinghe Intelligent Network" ที่มี AI เป็นศูนย์กลาง และได้รับการอัปเกรดใหม่ทั้งหมดในงานนี้ โซลูชันนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรม 3 ชั้น ได้แก่ สมองกลที่ขับเคลื่อนด้วย AI การเชื่อมต่อที่ขับเคลื่อนด้วย AI และอุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อเร่งการบูรณาการระหว่าง AI และเครือข่ายให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยโซลูชันนี้จะมอบบริการและประสบการณ์การเชื่อมต่อที่หลากหลาย และเฉพาะเจาะจงสำหรับสถานการณ์ต่างๆ ให้แก่องค์กร ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อมูลโดยไม่มีแพ็กเก็ตสูญหาย ปริมาณงานสูง ความหน่วงแฝงต่ำที่คาดการณ์ได้ และความปลอดภัยแบบ Zero-Trust ในทุกสถานการณ์ ซึ่งนำโดยปรัชญาของเครือข่ายที่พร้อมรองรับ AI เครือข่ายที่ขับเคลื่อนด้วย AI และความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งจะช่วยให้โซลูชันนี้พร้อมปลดล็อกศักยภาพระบบอัจฉริยะทั้งหมดในทุกอุตสาหกรรม

AI กำลังพลิกโฉมโลกอย่างรวดเร็วในแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งยังเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานขององค์กร และสร้างความต้องการใหม่ 3 ประการสำหรับเครือข่าย นั่นคือ: การปลดปล่อยพลังการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ การรับประกันประสบการณ์การบริการ และการป้องกันภัยคุกคามที่ไม่รู้จัก ด้วยเหตุนี้ Xinghe Intelligent Network ของ Huawei จึงได้ปรับใช้สถาปัตยกรรม 3 ชั้นที่ใช้งาน AI เป็นศูนย์กลางเพื่อเสริมศักยภาพโซลูชันหลัก 4 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งประกอบไปด้วย Xinghe AI Campus, Xinghe Intelligent WAN, Xinghe AI Fabric 2.0 และ Xinghe AI Network Security ที่จะช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบอัจฉริยะในทุกภาคส่วน

• Xinghe AI Campus ขยายขอบเขตความปลอดภัยจากโลกดิจิทัลสู่โลกทางกายภาพ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมแคมปัสที่ปลอดภัยรอบด้าน โดยใช้งานเทคโนโลยี Wi-Fi Shield และการป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตที่ Huawei เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว เพื่อจัดการความปลอดภัยของคลื่นสัญญาณ และการเข้าถึงของอุปกรณ์ปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Huawei ยังได้เปิดตัว Access Point (AP) ไร้สายที่สามารถตรวจจับกล้องสอดแนมได้เป็นรายแรกของอุตสาหกรรมเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากกล้องแอบถ่าย ซึ่งสามารถระบุตำแหน่งกล้องที่ซ่อนอยู่ได้อย่างแม่นยำเพื่อปกป้องความลับทางการค้า และความเป็นส่วนตัวได้ทุกวันในตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งยังมีเทคโนโลยี Wi-Fi Sensing ที่ช่วยให้สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวขนาดเล็กระดับเซนติเมตรเพื่อระบุการมีอยู่ของบุคคลได้อย่างแม่นยำ และรับประกันความปลอดภัยเชิงพื้นที่ที่ครอบคลุม และราบรื่นในพื้นที่สำคัญ เช่น ห้องทำงานผู้บริหารและห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนา
• Xinghe AI Fabric2.0 ส่งมอบการรับประกันระบบอัจฉริยะสำหรับการประมวลผลทั่วไป และการประมวลผล AI เพื่อช่วยปลดปล่อยพลังการประมวลผลได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งช่วยสร้างการจำลองการทำงานของสวิตช์ และอุปกรณ์ความปลอดภัยแบบครบวงจรในสถานการณ์การประมวลผลทั่วไปเพื่อลดระยะเวลาการเปิดตัวบริการใหม่จาก 7 วันเหลือเพียง 5 นาที อุปกรณ์เพียงเครื่องเดียวสามารถรองรับการตรวจจับกระแสข้อมูลได้มากกว่า 200,000 รายการแบบเรียลไทม์ และช่วยให้สามารถตรวจจับข้อผิดพลาดได้ภายในไม่กี่วินาที ทั้งยังมีเทคโนโลยี AI Sensing ที่ Huawei พัฒนาขึ้นเอง และกลไกการจัดตารางการฝึกฝน-การอนุมานแบบครบวงจรได้ช่วยให้สามารถสลับบทบาทของ GPU ระหว่างการฝึกฝนและการอนุมานได้อย่างคล่องแคล่วในสถานการณ์การประมวลผล AI ซึ่งช่วยให้ใช้ประโยชน์จากการประมวลผลได้ 100% และเพิ่มประสิทธิภาพการอนุมานขึ้น 10% Huawei ยังได้เปิดตัวสถาปัตยกรรม 4 ระนาบอันโดดเด่น พร้อมด้วยเครือข่ายคลัสเตอร์ 2 ชั้นเพื่อรองรับ GPU ได้ถึง 100,000 ตัว และช่วยลดต้นทุนได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับการออกแบบ 3 ชั้นแบบดั้งเดิม พร้อมกับสร้างรากฐานการประมวลผล AI ที่ดีที่สุด
• Xinghe Intelligent WAN รองรับบริการเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบบูรณาการที่มีความจุสูงที่ช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงพลังการประมวลผลได้ตามความต้องการ พร้อมกับนำเสนอบริการคู่สายส่วนตัวอัจฉริยะสำหรับองค์กรใน 2 รูปแบบ (Basic และ Pro) และใช้อัลกอริทึม Starnet ที่ไม่ทำให้ข้อมูลสูญหาย และ Starnet Vector Engine เพื่อให้สามารถส่งข้อมูลระยะไกลโดยไม่มีแพ็กเก็ตสูญหาย และลดการสูญเสียประสิทธิภาพการประมวลผลให้ต่ำกว่า 5% ในขณะที่ยังคงรักษาข้อมูลที่ละเอียดอ่อนไว้ภายในองค์กร ด้วยเหตุนี้ โซลูชันนี้จึงสามารถช่วยลดการลงทุนเริ่มต้นได้อย่างมีมาก ทั้งยังรองรับการปรับขยายได้อย่างยืดหยุ่น พร้อมกับรับประกันความปลอดภัยของข้อมูล และช่วยให้ใช้ประโยชน์จากการประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาเดียวกัน
• Xinghe AI Network Security ให้ความสำคัญไปที่กลยุทธ์ "AI ปะทะ AI" เพื่อสร้างรากฐานความปลอดภัยแบบ Zero-Trust ที่ขับเคลื่อนด้วย AI สำหรับทุกสถานการณ์ โดย Huawei ได้ฝึกฝนโมเดลความปลอดภัย AI ที่ครอบคลุมโดยใช้ข้อมูลมหาศาลจากคลาวด์โหนดกว่า 100 แห่งทั่วโลก ซึ่งช่วยให้มีอัตราการตรวจจับภัยคุกคามที่ไม่รู้จักได้ถึง 95% และนับเป็นตัวเลขระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม ทั้งยังใช้งาน AI Core (หน่วยประมวลผลเฉพาะทาง) ที่ Huawei พัฒนาขึ้นเองเพื่อช่วยให้ AI เหล่านี้ถูกรวมเข้ากับไฟร์วอลล์ในพื้นที่ และการนำขีดความสามารถนี้มารวมกับ Emulator engine สำหรับการแกะรอยไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ จะช่วยให้สามารถระบุ และสกัดกั้นภัยคุกคามได้แบบเรียลไทม์

นอกจากนี้ Huawei NetMaster ซึ่งเป็นเอเจนต์เครือข่ายที่ช่วยให้การปฏิบัติการและบำรุงรักษา (O&M) เป็นไปโดยอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมงผ่าน AI ยังช่วยรับประกันว่าเครือข่ายจะไม่หยุดชะงัก และมีการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้ โดยสามารถตรวจจับตำแหน่งการติดตั้ง AP, การรบกวนของสภาพแวดล้อม และประสบการณ์ของผู้ใช้งานได้อย่างแม่นยำ และเมื่อตรวจพบปัญหา Wi-Fi ทั่วไป เช่น สัญญาณอ่อนหรือมีสัญญาณรบกวนสูง ระบบจะคำนวณและดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมที่สุดทั้งในด้านความครอบคลุม การรบกวน และปริมาณการใช้งาน ซึ่งจะช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดบนเครือข่ายไร้สายได้ถึง 80% โดยอัตโนมัติ

ในงานประชุมครั้งนี้ Huawei ยังได้เผยโฉมความร่วมมือด้านนวัตกรรมกับลูกค้าระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึง Tsinghua University, Peking University, Shandong University และ iFLYTEK พร้อมทั้งประกาศความร่วมมือระดับโลกกับผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรม เช่น Shenzhen Power Supply Bureau, Shenzhen Welkin School, China Pacific Insurance (Group) Co., Ltd. และ Resorts World Sentosa (สิงคโปร์) โดยกรณีศึกษาที่ใช้เป็นมาตรฐานเหล่านี้ยังครอบคลุมทั้งภาคการศึกษา พลังงานไฟฟ้า การเงิน และองค์กรสำคัญๆ ซึ่งเป็นการสร้างตัวอย่างสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัล และระบบอัจฉริยะในระดับโลก

Huawei ได้ยึดมั่นในปรัชญา "AI for All, All on IP" เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม พร้อมกับยกระดับผลิตภัณฑ์และโซลูชัน Xinghe Intelligent Network ต่อไป โดยร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตรทั่วโลกเพื่อสร้างเครือข่ายที่มี AI เป็นศูนย์กลาง และร่วมกันกำหนดอนาคตของยุคอัจฉริยะ